เรียนรู้วิวัฒนาการของศิลปะ จากยุคสมัยโบราณสู่ปัจจุบัน

เรียนรู้วิวัฒนาการของศิลปะ จากยุคสมัยโบราณสู่ปัจจุบัน

WIJIT

03 ก.พ. 2568
70

เพราะ ศิลปะ คือกระจกสะท้อนพัฒนาการของมนุษย์และสังคมได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ยุคหินจนถึงยุคดิจิทัล ศิลปะไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพหรือรูปแบบการสร้างสรรค์ แต่มันยังเล่าเรื่องราวถึงความเชื่อ วัฒนธรรม และความรู้สึกที่มนุษย์อยากถ่ายทอดออกมาในแต่ละยุค บทความนี้จะพาคุณย้อนเวลากลับไปสำรวจวิวัฒนาการของศิลปะ ที่ไม่ได้แค่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ยังสร้างอิทธิพลต่อโลกอย่างน่าทึ่ง พร้อมค้นพบว่าเส้นทางของศิลปะเหล่านี้หล่อหลอมความงดงามและความหลากหลายอย่างไรจนมาถึงปัจจุบัน

รู้จักวิวัฒนาการของศิลปะโบราณแต่ละยุคสมัย

ศิลปะในแต่ละยุคสมัยไม่เพียงสะท้อนความงดงาม แต่ยังเล่าเรื่องราวของความเชื่อและวิถีชีวิตของมนุษย์ ตั้งแต่ภาพเขียนในถ้ำยุคหินจนถึงประติมากรรมยุคกรีกและโรมัน มาร่วมสำรวจเส้นทางของศิลปะโบราณไปด้วยกัน ซึ่งเราได้หยิบยกมาทั้งหมด 11 ยุคด้วยกัน จะมียุคอะไรบ้าง มาเริ่มกันเลย

1. ศิลปะยุคหิน

วิวัฒนาการของศิลปะ ศิลปะยุคหิน
ภาพศิลปะยุคหิน จาก greelane.com

ศิลปะยุคหินเกิดจากความต้องการสื่อสารและแสดงออกของมนุษย์ในยุคที่ยังไม่มีภาษาเขียน มนุษย์ยุคหินใช้งานศิลปะเพื่อสะท้อนการดำรงชีวิตประจำวัน ความเชื่อ และพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ เช่น การล่าสัตว์ การสร้างศิลปะในยุคนี้เกิดขึ้นจากการสลักไว้ภายในถ้ำ โดยรูปที่สลักไว้นั้นส่วนใหญ่จะเป็น รูปการใช้อาวุธในการล่าสัตว์ และเครื่องมือต่างๆ สำหรับวัสดุที่ใช้ในการขีด เขียน หรือแกะสลักในยุคนั้นได้แก่ หิน กระดูกสัตว์ ไม้ เขาสัตว์ เป็นต้น โดยใช้วิธีการขูด เซาะ ให้เหมือนธรรมชาติ เพื่อง่ายต่อการรับรู้

2. ศิลปะเมโสโปเตเมีย

วิวัฒนาการของศิลปะ ศิลปะเมโสโปเตเมีย
ภาพศิลปะเมโสโปเตเมีย จาก วิกิพีเดีย

ศิลปะเมโสโปเตเมียเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของศิลปะโลก โดยสะท้อนถึงความเชื่อ ความคิดสร้างสรรค์ และวิถีชีวิตของผู้คนในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็น จิตรกรรม แบบเขียนง่าย ๆ ไม่เน้นรายละเอียด ไม่มีแสงเงา และอักษรลิ่ม หรือคูนิฟอร์ม ประติมากรรม มีทั้งแบบนูนต่ำ แบบนูนสูง แบบลอยตัว ส่วนมากเป็นเรื่องราวกิจกรรมของพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับจากเปลือกหอย หินสี ในส่วนของสถาปัตยกรรมมักสร้างให้สูงใหญ่เหมือนภูเขา และนิยมประดับด้วยแก้วหิน

ศิลปะเหล่านี้ไม่เพียงแค่สร้างความงดงาม แต่ยังเป็นบันทึกประวัติศาสตร์และแสดงถึงอารยธรรมที่ทรงอิทธิพลต่อศิลปะในยุคต่อมา โดยศิลปะของเมโสโปเตเมีย เกิดจากการสร้างสรรค์หลายกลุ่มชน หลายชนชาติ ที่มีแนวความคิด ความเชื่อและศรัทธาที่แตกต่างกัน โดยชาวสุเมเรียนถือว่าเป็นผู้มีบทบาทมากที่สุดในด้านศิลปะวัฒนธรรมของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย

3. ศิลปะอียิปต์

วิวัฒนาการของศิลปะ ศิลปะอียีปต์
ภาพศิลปะอียีปต์ จาก historyofart61

ศิลปะในอียิปต์เน้นไปที่เรื่องราวของชีวิตหลังความตายเป็นส่วนใหญ่ คือการสร้างพีระมิดเพื่อเก็บศพของกษัตริย์หรือคนในราชวงค์ เพราะมีความเชื่อว่าเมื่อตายแล้วจะยังมีชีวิตอยู่ สำหรับศิลปะอียิปต์ด้านจิตรกรรม เป็นภาพที่เขียนไว้บนฝาผนังสุสานและวิหารต่าง ๆ โดยใช้สีจากวัสดุทางธรรมชาติ ได้แก่ เขม่าไฟ สารประกอบทองแดงหรือสีจากดิน

ในส่วนของประติมากรรม เป็นการสร้างรูปสลักประติมากรรมจากหินชนิดต่าง ๆ ทั้งแบบนูนต่ำ แบบลอยตัว แบบนูนต่ำ และสถาปัตยกรรม ของอียิปต์มีลักษณะเด่นคือ ความถาวร ความสมมาตร และการใช้วัสดุที่ทนทาน เช่น หินแกรนิต หินทราย และหินปูน

4. ศิลปะกรีก

วิวัฒนาการของศิลปะ ศิลปะกรีก
ภาพศิลปะกรีก จาก วิกิพีเดีย

ศิลปะส่วนใหญ่มาจากความเชื่อที่ว่า “มนุษย์เป็นมาตรวัดสรรพสิ่ง” จึงสร้างวิหารเพื่อบูชาเทพเจ้า รูปปั้น รูปสลักที่ใช้เป็นตัวแทนของเทพเจ้า เป็นต้น สำหรับจิตรกรรม ในยุคของกรีกไม่นิยมสร้างจิตรกรรมมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการระบายสีลงบนผิวภาชนะเครื่องปั้นดินเผาต่าง ๆ เช่น ไห แจกัน เป็นต้น

ประติมากรรมจะมีลักษณะคล้ายรูปเรขาคณิตและมีการพัฒนามาคล้ายกับมนุษย์ โดยสร้างจากสำริด และหินอ่อน สถาปัตยกรรม กรีกนิยมสร้างอาคารโดยใช้โครงสร้างแบบเสาและคาน มีรูปทรงเปิดมากกว่าสถาปัตยกรรมอียิปต์ พร้อมมีการตกแต่งด้วยการระบายสีและการแกะสลักลวดลาย

5. ศิลปะโรมัน

วิวัฒนาการของศิลปะ ศิลปะโรมัน
ภาพศิลปะโรมัน จาก วิกิพีเดีย

ศิลปะโรมันเป็นศิลปะที่ผสมผสานเทคนิคและอิทธิพลจากศิลปะกรีกและอีทรัสคัน เน้นความใหญ่โตมโหฬาร มีความหรูหรา สง่างาม มั่นคงแข็งแรง งานด้านจิตรกรรมของโรมัน เป็นภาพเขียนสีและประดับด้วยหินสี เขียนด้วยสีฝุ่นผสมกับกาวน้ำปูนและสีขี้ผึ้งร้อน งานด้านประติมากรรม เป็นรูปนูนสื่อถึงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ โดยมักถูกสร้างขึ้นจาก ขี้ผึ้ง ดินเผา หิน และสำริด 

สำหรับสถาปัตยกรรมโรมัน อาคารจะถูกสร้างจากไม้ อิฐ ดินเผา หิน ปูนและคอนกรีต เป็นรูปทรงพื้นฐาน นอกจากนี้ยังมีการนำสถาปัตยกรรมของกรีกทั้ง 3 แบบ มาปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ให้วิจิตรบรรจงขึ้น โดยมีการเพิ่มตกแต่งลงไป และเสาของโรมันจะเป็นเสาหินท่อนเดียว

6. ศิลปะอินเดีย

วิวัฒนาการของศิลปะ ศิลปะอินเดีย
ภาพศิลปะอินเดีย จาก วิกิพีเดีย

ศิลปะอินเดียมีหลายรูปแบบ ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม เครื่องปั้นดินเผา และศิลปะผ้า ศิลปะอินเดียเกิดจากการผสมผสานระหว่างความเชื่อทางศาสนา วัฒนธรรม และอิทธิพลจากต่างชาติ การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะทางศาสนา เช่น วัด พระพุทธรูป และจิตรกรรมฝาผนัง ใช้วัสดุจากธรรมชาติที่หลากหลาย เช่น หิน ดินเหนียว โลหะ และไม้ ลักษณะเด่นของศิลปะอินเดีย คือเน้นรายละเอียดและการใช้สัญลักษณ์แทน เช่น ดอกบัว พระจันทร์ และจักรวาล นอกจากนี้ยังมุ่งพรรณนาเล่าเรื่อง เช่น ภาพเขียนบนฝาผนังขนาดใหญ่

สถาปัตยกรรมอินเดียสร้างด้วยไม้ ทำให้ไม่คงเหลือถึงปัจจุบัน สำหรับสถาปัตยกรรมที่ยังคงเหลืออยู่คือศาสนสถาน เช่น สถูป ที่มีลักษณะเป็นรูปโอคว่ำ ในส่วนของประติมากรรมนั้นจะมีรูปร่างหนักและหนา หรือเป็นภาพสลักนูนต่ำบนรั้วและประตูล้อมสถูป จิตกรรมฝาผนังของอินเดียถือเป็นศิลปกรรมที่น่าสนใจ เป็นการวาดภาพบุคคลต่าง ๆ บนผนัง โดยวาดติดต่อกันไม่มีอะไรมาแบ่งแยกภาพ สำหรับการทำให้ภาพมีความรู้สึกนูนจะใช้สีทำเป็นรอยแสงเข้ามาช่วยนั่นเอง

7. ศิลปะไบแซนไทน์

วิวัฒนาการของศิลปะ ศิลปะไบแซนไทน์
ภาพศิลปะไบแซนไทน์ จาก wanidasukyim / arteducation-jstp

ศิลปะนี้สะท้อนถึงความศรัทธาในศาสนาคริสต์นิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ โดยเน้นไปที่การแสดงภาพทางศาสนา สำหรับจิตรกรรม ทำบนฝาผนังและแผงไม้ โดยใช้สีฝุ่น สีขี้ผึ้งร้อน และสีปูนเปียกอย่างแห้ง นอกจากนี้ยังมีทั้งการใช้ชิ้นกระเบื้องสีทอง หิน หรือแก้วขนาดเล็กเรียงกันเป็นภาพ เรียกว่า “ภาพโมเสก” ในงานประติมากรรมนั้นเป็นงานแกะสลักงาช้างหรืองานสำริดประเภทนูนต่ำ และสถาปัตยกรรม นิยมสร้างหลังคาเป็นรูปโดมอยู่ตรงกลาง ประดับด้วยกระจกสีเหนือประตูหน้าต่าง

8. ศิลปะโกธิค

วิวัฒนาการของศิลปะ ศิลปะโกธิค
ภาพศิลปะโกธิค จาก วิกิพีเดีย / historyofart61

จิตรกรรมสมัยโกธิคมีพื้นที่เขียนภาพบนฝาผนังน้อยลง จึงเน้นไปที่การออกแบบกระจกสีของบานหน้าต่าง ส่วนสถาปัตยกรรม มีโครงสร้างหลังคาเป็นโค้งแหลม ผนังเปิดกว้าง สูงเด่นเป็นพิเศษ และประติมากรรม ตามระเบียง หลังคา ทำเป็นรูปคนหรือสัตว์ พร้อมเจาะรูตรงปากเพื่อให้น้ำฝนผ่าน เรียกประติมากรรมแบบนี้ว่า “การ์กอย” ใช้ตกแต่งได้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร

9. ศิลปะเรเนซอง

วิวัฒนาการของศิลปะ ศิลปะเรเนซอง
ภาพศิลปะเรเนซอง จาก วิกิพีเดีย

เรเนซอง คือการเกิดใหม่ หรือการฟื้นฟูศิลปะของกรีกและโรมัน โดยสถาปัตยกรรมในยุคเรเนซองจะมีการวางโครงสร้างอย่างมีแบบแผนไม่ว่าจะเป็นเสา หรือ คานรับเสา และเน้นความสมมาตร ให้ได้สัดส่วน สำหรับจิตรกรรมเป็นงานที่ได้รับการจ้างจากสถาบันศาสนาเป็นจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับ “ชีวิตของพระเยซู” “ชีวิตของพระแม่มารี” หรือ ชีวิตของนักบุญ รวมทั้งงานฉากแท่นบูชาที่เขียนด้วยสีฝุ่นบนแผง ต่อมาใช้สีน้ำมันบน ผ้าใบ ในส่วนของงานประติมากรรมจะมีมิติที่ดูโดดเด่น สร้างระยะลึกตื้น เน้นการเล่นแสงเงาทำให้เกิดความสมจริง โดยเป็นการลอกเลียนแบบให้คล้ายธรรมชาติ

10. ศิลปะบาโรก

วิวัฒนาการของศิลปะ ศิลปะบาโรก
ภาพศิลปะบาโรก จาก wikiwand.com

ถือเป็นศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความหรูหรามั่งคั่งทางวัตถุและฐานะทางสังคมในยุคสมัยนั้น โดยสถาปัตยกรรมของบาโรกมักมีขนาดใหญ่ ประดับประดาอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย มีการใช้เส้นโค้งและคดในส่วนของโครงสร้างเพื่อแสดงความเคลื่อนไหว พร้อมมีการใช้แสงสว่างช่วยจับจุดสนใจ กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกร่วม ในส่วนของงานประติมากรรมก็ไม่แพ้กันเพราะเต็มไปด้วยองค์ประกอบอันวิจิตรและอลังการ เน้นการสร้างรูปร่างของมนุษย์ให้มีความเคลื่อนไหว มีท่าทางที่โลดโผน พร้อมแสดงรายละเอียดอย่างเกินจริง และยังใช้วัสดุที่หลากหลาย เช่น หินอ่อน หินสี สำริด หรือกระจกสี สำหรับจิตรกรรมบาโรกมีการใช้เงาและแสงเพื่อเน้นจุดสำคัญ ใช้เส้นระนาบทแยงเพื่อให้เกิดทิศทาง พร้อมใช้สีที่โดดเด่น ลักษณะเด่นคือภาพคนจะมีเครื่องแต่งกายอย่างหรูหรา มีรายละเอียดของรอยยับ รอยพับมากมาย

ศิลปะในแต่ละยุคสมัยสะท้อนถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ ศาสนา และเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ความสวยงามและจุดเด่นของงานศิลปะในแต่ละยุคเกิดขึ้นจากวัสดุที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้น เช่น หินอ่อน ดินเผา หรือกระเบื้อง การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมแต่ละยุคก็เช่นกัน ช่วยเพิ่มเอกลักษณ์และความยิ่งใหญ่ให้กับงานศิลปะได้อย่างลงตัว 


บทความใกล้เคียง

ทั้งหมด